วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การนำเอาสารสนเทศมาใช้ในองค์กรอย่างไร ยกตัวอย่าง 5 อย่าง

การนำเอาสารสนเทศมาใช้ในองค์กรอย่างไร ยกตัวอย่าง 5 อย่าง

เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบัน เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูล การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การเรียนกดูข้อมูล การประมวลผล การใช้งานร่วมกันแบบหลายๆ คน และการวิเคราะห์ข้อมูล ทำได้ง่ายและเพิ่มคุณค่า ประโยชน์   ในการใช้งานข้อมูล ขณะเดียวกันเทคโนโลยียังสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการ  
ดังนั้นองค์กรที่มีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว   เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่ช่วยให้และเป็นประโยชน์สำหรับบุคลากรในทุกองค์กรในการปฏิบัติงานขององค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยแบ่งออกเป็น 4 งาน ดังนี้
1.  งานบริหารบุคคล
1.การสรรหาและเลือกสรรบุคลากรทางการศึกษา
                1.1 การประกาศรับสมัคร โดยใช้สารสนเทศมามีบทบาท   กรมแรงงาน  น.ส.พ.ท้องถิ่น  วิทยุ 
                   โทรทัศน์  อินเตอร์เน็ต
                1.2 การรับสมัคร ให้กรอกใบสมัคร มี ประวัติ  การศึกษา  ประสบการณ์ โดยส่งทางอีเมล์
1.3 การสัมภาษณ์เบื้องต้น รับสมัครแล้วสัมภาษณ์เบื้องต้นก่อน ถ้าไม่ตรงจะได้ตัดออกไม่ให้สมัคร
1.4 การสอบ เป็นการสอบความรู้ความสามารถ เป็นสอบข้อเขียนอาจเป็นข้อสอบปรนัย
       หรืออัตนัย และสอบปฏิบัติ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ สอนในชั้นเรียน
1.5 การสอบสัมภาษณ์ สอบหลังจากผ่านการสอบในข้อ 2.4 แล้ว
12.6 การตรวจสอบภูมิหลัง อาจตรวจสอบจากสถานการศึกษา ที่ทำงานเดิมของผู้สมัคร
1.7 การคัดเลือกขั้นสุดท้าย เป็นการประเมินจากขั้นตอนที่แล้ว
1.8 การบรรจุแต่งตั้งเข้าทำงาน อาจให้เลือกหน่วยงานตามลำดับของผลการสอบ

2.  งานบริหารทั่วไป
                1.  งานประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน  โดยจัดทำในรูปแบบของ
                      -  การทำเว็บไซต์ของโรงเรียน
                      -  จัดทำในรูปของ powerpoint
                      -  สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
                  2.   งานธุรการของโรงเรียน
                       -   รับ- ส่ง เอกสารทาง e-filing


                3.  งานบริหารงบประมาณ
                การใช้สารสนเทศในการจัดทำงานบริหารงบประมาณเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันและสะดวกรวดเร็วทางโรงเรียนจึงได้ทำให้อยู่ในแต่ละหมวด ดังนี้
                 1.หมวดเงินเดือน เงินที่จ่ายให้แก่ข้าราชการเป็นรายเดือน
2.หมวดค่าจ้างประจำ เงินที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างประจำ
                3.หมวดค่าจ้างชั่วคราว เงินที่จ่ายเป็นค่าแรงสำหรับการทำงานปกติของแก่ลูกจ้างชั่วคราว
                4.หมวดค่าตอบแทน เงินที่จ่ายตอบแทนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานให้ทางราชการ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร
                5.หมวดค่าใช้สอย ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่ายานพาหนะ ค่าที่พัก ค่าซ่อมแซมอาคารสถานที่และครุภัณฑ์
6.หมวดค่าสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา
                7.หมวดค่าวัสดุ ค่าใช้จ่ายซื้อสิ่งของต่างๆ เช่น กระดาษ หลอดไฟ
                8.หมวดค่าครุภัณฑ์ รายจ่ายเพื่อซื้อสิ่งของที่คงทน ใช้ได้นาน เช่น คอมพิวเตอร์ โต๊ะ เก้าอี้

4.      งานบริหารวิชาการ
                1.   ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียน   เป็นระบบสารสนเทศที่ต้องทําการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนทั้งหมด สารสนเทศส่วนนี้เกิดจากครูผู้สอนหรือผู้ปฏิบัติงานเป็นส่วนใหญ่ เช่น ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนจําแนกเป็นรายชั้นรายปี ผลการประเมินคุณภาพของผู้เรียน รายงานผลความก้าวหน้าของผู้เรียน รายงานความประพฤติ พฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียน  ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียน โรงเรียนต้องมีการจัดทําขึ้นให้เป็นไปตามมาตรฐานการประเมินตนเอง เพื่อรองรับการประเมินจากต้นสังกัด และโรงเรียนก็สามารถให้ข้อมูลหรือ ระบบสารสนเทศแสดงผลสัมฤทธิ์ให้เห็นทุกตัวในฐานข้อมูลว่าขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง โดยการเก็บข้อมูลจะส่งผลกับการประเมินคุณภาพผู้เรียน ผลที่ได้จะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกความก้าวหน้าของผู้เรียน

            2.    ระบบสารสนเทศการบริหารวิชาการ  เป็นการจัดระบบสารสนเทศเกี่ยวกับหลักสูตรและการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมีตัวอย่างรายงานของระบบสารสนเทศ เช่น หลักสูตรและการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ การประกันคุณภาพ การวัดและการประเมินผลการเรียน การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน/กิจกรรมแนะแนว สื่อนวัตกรรม การนิเทศ การวิจัยในชั้นเรียน การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน เป็นต้น ในงานบริหารฝ่ายวิชาการซึ่ง ประกอบด้วยฝ่ายวัดผล ฝ่ายประเมินผล หัวหน้ากลุ่มบริหารวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระ ต้องมีการเก็บข้อมูลในด้านต่างๆและจากการเก็บข้อมูลก็จะสามารถพบว่ามีนักเรียนที่มีปัญหาในด้านต่างๆอย่างไร และโรงเรียนก็ต้องมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น โรงเรียนอาจจะช่วยนักเรียนกลุ่มที่มีปัญหานี้ได้ด้วยสอนเสริมเพิ่มเติมในวิชาที่นักเรียนมีปัญหา และจากผลความก้าวหน้าตรงนี้จะเป็นชี้วัดว่าโรงเรียนต้องพัฒนาตัวเองให้ไปในทิศทางใดได้อย่างไร



องค์กรของเราควรให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและสารสนเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพขององค์กรอย่างไร

องค์กรของเราควรให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและสารสนเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพขององค์กรอย่างไร

ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกลายมาเป็นส่วนหนึ่ง
ที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน  เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูล  การแก้ไขเปลี่ยนแปลง  การเรียกดูข้อมูล  การประมวลผล  การใช้งานร่วมกันแบบหลายๆ คน  และการวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น  เพิ่มคุณค่าและประโยชน์ในการใช้งานข้อมูล และสารสนเทศที่ได้มาจะมีคุณภาพในการนำไปวิเคราะห์และใช้งานมากเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันเทคโนโลยียังสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการขององค์กรที่มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ย่อมทำให้องค์กรสามารถดำเนินต่อไปได้
ขอบข่ายของการบริหารแบ่งออกเป็น 3 แขนงใหญ่ๆด้วยกันคือ
                1.การบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ (Publiic Administration)
                2.การบริหารธุรกิจ (Business Administration)  
                3.การบริหารการศึกษา (Education Administration)
โดยวิเคราะห์จากทฤษฎี 4 Ps ซึ่งประกอบด้วย
1.  Purpose (ความมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์)
2.  People (บุคคล)
3.  Process (กรรมวิธีในการดำเนินงาน)
4.  Product (ผลผลิต)
ดังนั้น เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินงานให้เป็นระบบ รวดเร็ว และกระจายงานโดยนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาองค์กร ให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลในการพัฒนางานในด้านต่างๆในองค์กร โดยจำแนกออกเป็น 4 ด้านดังต่อไปนี้
1.  การบริหารงานวิชาการ
2.  การบริหารงบประมาณ
3.  การบริหารงานบุคคล
4.  การบริหารงานทั่วไป
                สรุปได้ว่าการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้เพื่อช่วยในการพัฒนาองค์กร เพื่อให้เกิดคุณภาพในการพัฒนาองค์กรและมีความทันสมัย  สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกับเหตุการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาองค์กรให้สำเร็จก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของปัจจัยภายในองค์กรหลายด้าน ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ข้อมูลและสารสนเทศ ฐานข้อมูล ระบบเครือข่ายการ สื่อสาร ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ช่วยพัฒนาองค์กรให้เกิดคุณภาพอย่างยิ่ง